Love Fit จัดการปัญหาปัสสาวะเล็ด ช่องคลอดไม่กระชับ

Love Fit จัดการปัญหาปัสสาวะเล็ด ช่องคลอดไม่กระชับ

ปัสสาวะเล็ด ปัญหาใหญ่ที่ทำให้เล็กได้

ปัสสาวะเล็ดหรืออาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ถือได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ของหลายคนเพราะสร้างความน่ารำคาญใจ อับอาย และไม่มั่นใจเมื่อต้องใช้ชีวิตในที่สาธารณะ เนื่องจากผู้ประสบปัญหาจะไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมาโดยไม่รู้ตัวและมักจะเกิดขึ้นเมื่อ

  • หัวเราะ
  • ไอ
  • จาม
  • กระโดด
  • ยกของหนัก
  • ออกกำลังกาย
  • หรือกระทั่งขณะที่กำลังมีเพศสัมพันธ์

และแม้แต่การลุกขึ้นยืนในบางครั้งก็อาจมีปัสสาวะเล็ดออกมาได้ ซึ่งหากคุณเคยมีประสบการณ์ปัสสาวะเล็ดจากกิจกรรมดังกล่าว นั่นหมายถึงคุณอาจกำลังประสบปัญหาปัสสาวะเล็ดแล้วก็ได้ แต่ยังไม่ต้องตกใจหรือกังวลไป เพราะบางคนก็มีอาการปัสสาวะเล็ดแค่ชั่วคราว ในขณะที่บางคนนั้นอาจส่งผลในระยะยาวได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า สาเหตุของอาการปัสสาวะเล็ดในแต่ละคนนั้นเกิดจากปัญหาสุขภาพด้านไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทุกปัญหาที่เป็นเรื่องใหญ่ สามารถทำให้เล็กลงได้ถ้าได้รับการดูแลอย่างตรงจุด

สาเหตุของการเกิดปัสสาวะเล็ด

อาการปัสสาวะเล็ดเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย รวมถึงการเจ็บป่วยบางชนิด ซึ่งบางสาเหตุอาจทำให้มีอาการปัสสาวะเล็ดชั่วครั้งชั่วคราว แต่บางสาเหตุก็ทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดเรื้อรัง

  1. ปัสสาวะเล็ดจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย – ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากภาวะกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง พบมากในผู้หญิงที่มีมีอายุมากขึ้น อยู่ในวัยหมดประจำเดือน เพราะร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลง เมื่อฮอร์โมนน้อยลงจึงส่งผลให้กล้ามเนื้อในบริเวณอุ้งเชิงกรานเสื่อมสภาพ หย่อนยานและอ่อนแรงลง ทำให้หูรูดท่อปัสสาวะซึ่งอยู่ในกล้ามเนื้อส่วนนี้ด้วยก็เลยพลอยอ่อนแรงไปด้วย ทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดอยู่เป็นประจำ รวมถึงผู้หญิงที่ผ่านการคลอดลูกโดยธรรมชาติที่ส่งผลต่อแรงดันในช่องท้องโดยตรงก็มีผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง ทำให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ดในระยะยาวได้เช่นกัน
  2. ปัสสาวะเล็ดจากภาวะเจ็บป่วยต่างๆ – ไม่ว่าจะเป็นติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะเกิดการระคายเคืองและมีอาการปวดปัสสาวะมากผิดปกติหรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดได้ หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะโดยตรง หรือเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง เนื้องอกในสมอง หรือการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง เป็นต้น เนื่องจากโรคเหล่านี้ อาจส่งผลต่อการส่งสัญญาณประสาทที่เกี่ยวข้อง กับการควบคุมกระเพาะปัสสาวะโดยตรง ทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดได้ ไปจนถึงผู้ผ่านการผ่าตัดมดลูก หรือรักษาโรคเกี่ยวกับต่อลูกหมาก ก็อาจเกิดผลข้างเคียงจากการรักษาจนทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดตามมาได้
  3. ปัสสาวะเล็ดจากการอ้วนขึ้น – การที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจะทำให้มีโอกาสเสี่ยงเกิดอาการปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอาจมีผลทำให้เกิดการเพิ่มแรงบีบต่อกระเพาะปัสสาวะมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งมีผลทำให้เกิดการปัสสาวะเล็ดได้บ่อยๆ และที่สำคัญ หากมีน้ำหนักตัวมากเกินไปอาจทำให้เกิดการขยายของกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานมาก จนทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหย่อนยานและอ่อนแรงมากกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวไม่เกินเกณฑ์
  4. ปัสสาวะเล็ดจากการทานอาหาร – การรับประทนอาหารบางชนิด รวมถึงการใช้ยาบางชนิด อาจกระตุ้นให้เกิดปัสสาวะเล็ดได้ เช่น การทานแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม น้ำตาลเทียม ช็อกโกแลต พริกไทย ผลไม้จำพวกส้ม และการใช้ยายากล่อมประสาท ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น

เข้าใจอาการปัสสาวะเล็ดให้มากขึ้น

อาการปัสสาวะเล็ดนั้นมีหลายกลุ่มอาการ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ดังนี้

  • กลุ่มที่ 1 ปัสสาวะเล็ดเนื่องจากเพิ่มแรงดันในช่องท้อง (Stress Urinary Incontinence; SUI)
    เป็นภาวะปัสสาวะเล็ดที่เกิดเมื่อมีแรงดันในช่องท้องไปเพิ่มแรงดันบริเวณกระเพาะปัสสาวะ อาจเกิดจากการไอ จาม หัวเราะ ออกกำลังกาย ยกของหนัก ภาวะนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงในกลุ่มที่เริ่มมีอายุ น้ำหนักตัวมาก หรือเคยผ่านการคลอดบุตรมาแล้วหลายคน เป็นสาเหตุทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหรือกระเพาะปัสสาวะหย่อนยานขึ้น โดยภาวะนี้มักมีปัสสาวะเล็ดออกมาเพียงเล็กน้อย แต่หากในขณะนั้นกระเพาะปัสสาวะเต็มก็อาจทำให้มีปัสสาวะเล็ดออกมาในปริมาณมากได้
  • กลุ่มที่ 2 ปัสสาวะราด (Urge Urinary Incontinence; UUI)
    เป็นภาวะที่มีอาการปวดปัสสาวะมาก ปวดปัสสาวะกะทันหัน ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ทำให้ปัสสาวะราดออกมาทั้งหมดทันทีโดยไม่สามารถเข้าห้องน้ำได้ทัน ภาวะนี้เกิดจากกระเพาะปัสสาวะมีการบีบตัวไวเกิน โดยบางคนอาจปวดปัสสาวะบ่อยครั้ง ไม่เว้นแม้แต่ตอนกลางคืน ซึ่งอาจมีปัจจัยบางอย่างอาจกระตุ้นให้รู้สึกปวดปัสสาวะได้ เช่น การได้ยินเสียงน้ำไหล หรือการเปลี่ยนท่าทางอย่างกะทันหัน เป็นต้น
  • กลุ่มที่ 3 ปัสสาวะเล็ดราด (Mixed Urinary Incontinence; MUI)
    เป็นภาวะอาการปัสสาวะเล็ดราดหลังจากมีอาการปวดปัสสาวะกะทันหัน และหลังจากมีการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง โดยบางคนอาจมีทั้งภาวะปัสสาวะเล็ดจากการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง (SUI) และภาวะปัสสาวะราด (UUI) ร่วมกัน ซึ่งสามารถพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย
  • กลุ่มที่ 4 ปัสสาวะล้น (Overflow Urinary Incontinence)
    เป็นภาวะที่ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้อยู่ เนื่องจากเมื่อมีน้ำปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะในปริมาณมาก และแรงดันในกระเพาะปัสสาวะสูงกว่าแรงดันที่หูรูดท่อปัสสาวะ จึงทำให้ปัสสาวะไหลล้นออกมา ซึ่งอาจเกิดได้ในผู้ป่วยที่สูญเสียระบบประสาทการควบคุมปัสสาวะจากอุบัติเหตุ เนื้องอก หรือเบาหวาน นอกจากนี้ภาวะปัสสาวะล้นอาจเกิดจากอาการปัสสาวะไม่ออกเรื้อรัง หรือไม่สามารถปัสสาวะออกมาได้หมด เพราะกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรง หรืออาจเกิดการอุดตันของท่อปัสสาวะ ซึ่งอาจเกิดจากภาวะต่อมลูกหมากโต หรือมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือท้องผูก จึงทำให้มีปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะมากกว่าปกติ แต่ในกรณีนี้ผู้ป่วยจะปัสสาวะได้เพียงหยดเล็กๆ หรือปัสสาวะแล้วออกมาไม่หมด

Love Fit จัดการปัญหาปัสสาวะเล็ด ช่องคลอดไม่กระชับ

ใครบ้างที่มีโอกาสประสบปัญหาปัสสาวะเล็ดได้?

ปัสสาวะเล็ดสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่พบว่าอาการปัสสาวะเล็ดมักเกิดในผู้หญิงมากกว่า ซึ่งผู้หญิง 1 ใน 5 คน หรือเทียบเท่า 20% ของผู้หญิงต้องมีอาการปัสสาวะเล็ด และอาการปัสสาวะเล็ดจะรุนแรงกว่าในผู้ชายถึง 3 เท่า ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะพบในบุคคลเหล่านี้

  • ผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป และผู้สูงอายุ
    พบมากในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน หรือหญิงสูงอายุที่มีอุ้งเชิงกรานอ่อนแรง หย่อนคล้อย แต่สำหรับผู้ชายจะพบปัญหาปัสสาวะเล็ดราดได้น้อยกว่า โดยพบในผู้ชายอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เนื่องจากผู้ชายมีกล้ามเนื้อหูรูดกระเพาะปัสสาวะที่แข็งแรงกว่า และมีต่อมลูกหมากที่ช่วยป้องกันไม่ให้ปัสสาวะเล็ด จึงทำให้พบได้น้อยกว่าผู้หญิง
  • ผู้หญิงที่ผ่านการคลอดบุตรด้วยวิธีธรรมชาติ
    โดยเฉพาะผู้หญิงที่คลอดบุตรด้วยวิธีธรรมชาติหลายครั้ง หรือมีการคลอดที่ลำบากเนื่องจากเด็กตัวใหญ่ จะส่งผลทำให้เนื้อเยื่อในช่องคลอดหย่อนและบาดเจ็บหรือที่เรียกกันว่ากระบังลมหย่อน ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ดเมื่อเกิดการเพิ่มแรงดันในช่องท้องได้ เช่น ไอ จาม ออกกำลังกาย ยกของหนัก เป็นต้น
  • ผู้ที่น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น หรือน้ำหนักเกินเกณฑ์
    เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น หน้าท้องที่ขยายขึ้นจะมีความเสี่ยงมากที่จะเพิ่มการกดทับบริเวณกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีอายุเพิ่มขึ้นพร้อมกับน้ำหนักที่ขึ้นมา 5-10 กิโลกรัมจากแต่ก่อน จะยิ่งมีโอกาสประสบปัญหาปัสสาวะเล็ดได้มากขึ้น
  • ผู้ที่เคยผ่านการผ่าตัดรักษาโรคบางชนิด
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่เคยผ่านการผ่าตัดโรคเกี่ยวมดลูก ผู้ชายที่เคยผ่านการผ่าตัดมะเร็งต่มลูกหมาก ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบการทำงานเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ จึงส่งผลให้มีโอกาสในกระประสบปัญหาปัสสาวะตามมาหลังการรักษาได้

แนวทางการรักษาปัสสาวะเล็ดเบื้องต้น ช่องคลอดไม่กระชับ

แนวทางการรักษาปัสสาวะเล็ดเบื้องต้นของแพทย์

ไม่ว่าคุณจะมีภาวะปัสสาวะเล็ดประเภทไหนก็ตาม ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษาได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้สามารถบรรเทาอาการปัสสาวะเล็ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาที่เคยใหญ่ให้เล็กลงจนคุณสามารถกลับมามีความมั่นใจในการใช้ชีวิตได้เต็มที่ ซึ่งวิธีการรักษาอาจต้องใช้หลายวิธีรวมกัน โดยวิธีการรักษาที่แพทย์นิยมใช้ในการรักษาอาการปัสสาวะเล็ดมี ดังต่อไปนี้

  • รักษาอาการปัสสาวะเล็ดด้วยการปรับพฤติกรรม
    อาจเริ่มจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน รวมถึงปรับเปลี่ยนปริมาณเครื่องดื่มที่ดื่มในแต่ละวันตามคำแนะนำของแพทย์ด้วย เพราะหากดื่มมากหรือน้อยเกินไปอาจทำให้อาการแย่ลงได้ และอาจให้มีการออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ และที่สำคัญคือการออกกำลังกายเฉพาะทางที่เป็นการฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยเฉพาะ อย่าง Kegel Exercise หรือเรียกง่ายๆ ว่า ฝึกขมิบ ซึ่งการออกกำลังกายด้วยวิธีนี้เป็นประจำจะทำให้กล้ามเนื้อเกิดความแข็งแรงและสามารถควบคุมปัสสาวะเล็ดได้ รวมถึงการฝึกควบคุมปัสสาวะด้วย
  • รักษาอาการปัสสาวะเล็ดด้วยการใช้ยา
    แพทย์อาจมีการพิจารณาใช้ยาบางชนิดเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อในกระเพาะปัสสาวะผ่อนคลาย บีบตัวน้อยลง จนทำให้ปัสสาวะได้ง่ายขึ้น หรือช่วยให้กลั้นปัสสาวะได้นานขึ้นได้ แต่วิธีอาจไม่สามารถช่วยในกลุ่มอาการปัสสาวะเล็ดเนื่องจากปัญหาของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้ แต่ยาอาจจะช่วยได้ในกลุ่มอาการปัสสาวะกลั้นไม่อยู่ได้
  • รักษาอาการปัสสาวะเล็ดด้วยการผ่าตัด
    ในกรณีที่อาการปัสสาวะเล็ดนั้นเป็นมาก เป็นมานาน และไม่สามารถหายได้จากการฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเพียงอย่างเดียว แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดรักษาเข้าช่วย โดยการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เป็นสาย Sling ยกให้ท่อปัสสาวะส่วนต้นและกระเพาะปัสสาวะไม่หย่อนลงไปตามกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • รักษาด้วยเลเซอร์
    การใช้เลเซอร์เฉพาะทาง อย่างเทคโนโลยีเลเซอร์เพื่อการยกกระชับจะเหมาะสำหรับการรักษาปัสสาวะเล็ดที่ไม่รุนแรงมาก เช่น มีอาการปัสสาวะเล็ดเฉพาะเวลาเล่นกีฬาหนักๆ ออกแรงเยอะ หรือปัสสาวะเล็ดเวลามีอาการไอหรือจาม เป็นต้น โดยเลเซอร์กระชับช่องคลอดนอกจากจะช่วยรักษาอาการปัสสาวะเล็ดที่ไม่รุนแรงได้แล้ว ยังช่วยในเรื่องการยกกระชับช่องคลอดได้อีกด้วย โดยที่การรักษาจะไม่ทำให้มีบาดแผลใดๆ  ซึ่งผู้ที่ไม่มีอาการปัสสาวะเล็ด แต่ต้องการยกกระชับช่องคลอด ต้องการให้ช่องคลอดฟิตก็สามารถทำเลเซอร์นี้ได้ โดยวิธีการนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมสำหรับแพทย์เพื่อใช้ในการรักษาอาการปัสสาวะเล็ดในบุคคลที่ไม่ได้รุนแรง และสำหรับที่ Doctorlife ก็มีให้บริการดูแลภายใต้ชื่อโปรแกรมว่า Love Fit

โปรแกรม Love Fit ทางเลือกที่ใช่ จาก Doctorlife จัดการได้ทั้งปัญหาปัสสาวะเล็ดและช่องคลอดไม่กระชับ

Love Fit คือหนึ่งในนวัตกรรมทางเลือกเพื่อจัดการปัญหาปัสสาวะเล็ดโดยไม่ต้องผ่าตัด พร้อมช่วยกระชับช่องคลอดและฟื้นฟูจุดซ่อนเร้นให้อยู่ในสุขภาวะที่ดีได้อีกครั้ง ด้วยเอกลักษณ์การรักษาผ่านเครื่องสแกนเนอร์เลเซอร์เฉพาะทางของโปรแกรม Love Fit ที่สามารถยิงลำแสงเลเซอร์ได้ถึง 360 องศา ผ่านไปยังผนังช่องคลอดเพื่อกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ทำให้ผิวบริเวณนั้นสามารถผลิตและจัดเรียงเส้นใยคอลลาเจนเพิ่มขึ้นได้ พร้อมปรับสมดุลให้ผนังช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดชุ่มชื้นขึ้น กระชับขึ้น ทำให้ปัญหาปัสสาวะเล็ดที่มีสาเหตุจากช่องคลอดหย่อนคล้อย ช่องคลอดไม่กระชับ ได้รับการแก้ไขอย่างตรงสาเหตุ นอกจากนี้การรักษาด้วยเลเซอร์ของโปรแกรม Love Fit ยังช่วยลดปัญหาภาวะช่องคลอดหย่อนคล้อย ช่องคลอดหลวม ช่องคลอดแห้งได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังมอบผลลัพธ์ผิวบริเวณช่องคลอดเนียนใสขึ้นจากแสงเลเซอร์ได้อีกด้วย

โปรแกรม Love Fit ให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด

โปรแกรม Love Fit ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก FDA สหรัฐอเมริกา และเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ถึงประสิทธิภาพในการรักษาอาการปัสสาวะเล็ดที่ไม่รุนแรงมากให้กลับไปสู่ภาวะปกติได้ นอกจากนี้ เทคโนโลยีเลเซอร์ของโปรแกรม Love Fit ยังมีประสิทธิภาพในการยกกระชับช่องคลอดด้วยหลักการทำลายเซลล์เนื้อเยื่อเก่าพร้อมสร้างคอลลาเจนในเนื้อเยื่อช่องคลอดเพิ่มขึ้น จึงช่วยในเรื่องการยกกระชับช่องคลอดได้เป็นอย่างดี โดยทั้งนี้ การทำโปรแกรม Love Fit จะไม่สร้างความเจ็บปวดในขณะทำ มีเพียงแค่รู้สึกอุ่นๆ จากแสงเลเซอร์เล็กน้อย และหลังจากการทำโปรแกรม Love Fit แล้ว คุณสามารถออกไปใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีอาการบาดเจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง ไม่เสี่ยงบาดเจ็บจากเข็มหรือมีดหมอใดๆ

เพียงไม่กี่นาทีจากโปรแกรม Love Fit จัดการปัญหาปัสสาวะเล็ด ช่องคลอดไม่กระชับได้อย่างน่าพึงพอใจ

เครื่องเลเซอร์จากโปรแกรม Love Fit สามารถการแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ดที่ไม่รุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การรักษาแต่ละครั้งเพียง 10-15 นาที โดยไม่จำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวหลังทำโปรแกรม Love Fit ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ได้รับการรักษาด้วยโปรแกรม Love Fit ต่างพึงพอใจ และเห็นผลลัพธ์ได้ชัดว่าอาการปัสสาวะเล็ดที่เป็นมานานนั้นดีขึ้นหลังผ่านการทำโปรแกรม Love Fit เพียงแค่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองเท่านั้น รวมถึงมีความรู้สึกมั่นใจในการใช้ชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งเรื่องชีวิตรักส่วนตัวและการออกไปทำกิจกรรมทั่วไปในชีวิตประจำวัน ทังนี้ การเข้ารับการรักษาด้วยโปรแกรม Love Fit จะต้องทำทั้งหมด 3 ครั้ง หรือภายใต้การพิจารณารักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ทุกขั้นตอนของโปรแกรม Love Fit ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Doctorlife

การทำเลเซอร์รักษาปัสสาวะเล็ด ยกกระชับช่องคลอดภายใต้โปรแกรม Love Fit ต้องผ่านการพิจารณาให้การรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งทาง Doctorlife จะมีแพทย์เฉพาะทางให้การดูแลรักษาในทุกขั้นตอนของการทำเลเซอร์ในโปรแกรม Love Fit เพื่อมอบการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับคุณ โดยแพทย์จะทำการประเมินลักษณะความรุนแรงของอาการปัสสาวะเล็ดหรือความต้องการกระชับช่องคลอดของคุณ แล้วจึงแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากโปรแกรม Love Fit อาจจะไม่สามารถตอบโจทย์การรักษาให้กับบุคคลที่มีอาการรุนแรงได้ และนอกจากนี้ การรักษาด้วยโปรแกรม Love Fit จำเป็นต้องอาศัยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องเลเซอร์เฉพาะทางสำหรับโปรแกรม Love Fit เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการรักษา ดังนั้น ทีมแพทย์ทาง Doctorlife จะใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อการรักษาที่ดีที่สุด

ปัญหาปัสสาวะเล็ด เป็นปัญหาหนึ่งที่จริงๆ แล้วทุกคนมีความเสี่ยงในประสบปัญหานี้ เพราะแน่นอนว่า เมื่อมีอายุมากขึ้น ร่างกายก็เสื่อมสภาพลง นอกจากนี้ คนที่ประสบปัญหาแล้วบางคนกลับปล่อยปละละเลย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องของอายุ แต่จริงๆ แล้วปัญหาปัสสาวะเล็ดสามารถรักษาได้ บรรเทาอาการที่รุนแรงให้ลดลงจนให้ชีวิตอย่างราบรื่นได้ ซึ่งการรักษาอาการปัสสาวะเล็ดด้วยการทำเลเซอร์อย่างโปรแกรม Love Fit จะช่วยรักษาอาการปัสสาวะเล็ดที่ไม่รุนแรงให้หายไปได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณไม่ต้องเผชิญหน้ากับการรักษาด้วยการผ่าตัดเนื่องจากปล่อยให้อาการนั้นเป็นมากเกินไป และหากคุณยังอยู่ในวัยสาวที่ยังไม่มีอาการปัสสาวะเล็ดปรากฏ คุณสามารถลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นปัสสาวะเล็ดได้ด้วยการหมั่นฝึกออกกำลัง และระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวันให้มีคุณภาพ เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องมาเจอปัญหาปัสสาวะเล็ดกวนใจในเร็ววัน

สอบถาม