Sculptra คอลลาเจนฟื้นฟูผิวให้ดูเด็กลง
โครงหน้าจะเปลี่ยนแปลงรูปทรงไปตามวัย ตามช่วงอายุ Volume loss มีการสูญเสียจากการฝ่อตัวลงของไขมันใต้ชั้นผิวส่งผลต่อปริมาตรบนใบหน้า ทำให้ใบหน้าตอบและไม่สดใส ที่สำคัญเลยคือเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระบวนการสร้างคอลลาเจนในร่างกายจะเริ่มลดลงตั้งแต่อายุเข้าช่วง 20 ปี และจะลดลงเรื่อย ๆ จนเมื่ออายุถึงวัย 45 ปี การสร้างคอลลาเจนในผิวก็จะยิ่งเริ่มลดน้อยลงอีก จึงทำให้สังเกตเห็นได้ชัดว่าผิวมีความหย่อนคล้อยไม่กระชับเหมือนเดิม เนื่องจากคอลลาเจนเป็นส่วนสำคัญในการพยุงโครงสร้างความแข็งแรงของผิว หากคอลลาจนลดลงจะทำให้ผิวเริ่มอ่อนล้า หย่อนคล้อย และเสียรูปทรงได้
3 Type คอลลาเจนมีอะไรบ้าง หรือสำคัญอย่างไร
คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง โดยมีสัดส่วนสูงถึง 80% เป็นโครงสร้างสำคัญของเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนังกระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อ เป็นต้น โดยในร่างกายคนเรามีคอลลาเจนหลากหลายชนิด ซึ่งชนิดที่สำคัญและเราสามารถพบได้บ่อยมีด้วยกัน 3 ชนิด
- คอลลาเจน Type1 เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุดในร่างกายพบมากอยู่ในผิวหนังและเส้นเอ็นมีความแข็งแรงและยึดหยุ่นสูง
- คอลลาเจน Type2 ที่เป็นเส้นใยที่หลวมกว่า Type1 พบมากอยู่ในกระดูกและข้อต่อ
- คอลลาเจน Type3 พบมากอยู่ในผิวหนังและหลอดเลือด แต่ไม่แข็งแรงเท่ากับคอลลาเจน Type1
Sculptra คืออะไร?
Sculptra คือ อนุกาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA) จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator เป็นสารฉีดกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนของตัวเราเองตามกระบวนการธรรมชาติ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว โดยทำให้ผิวแน่นอิ่มฟู ยกกระชับบริเวณผิวหย่อนคล้อย ปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น Sculptra เป็น collagen stimulator ตัวแรกของโลกและเป็นตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจาก US FDA ทำให้มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ได้ก็ดูเป็นธรรมชาติแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง
Sculptra มีกระบวนการทำงานอย่างไร ?
- Sculptra ถูกผสมด้วย sterile water ถูกฉีดในผิวหนังชันลึก Subcutaneous
- ผิวจะดูเติมเต็มทันทีหลังการฉีด Sculptra เนื่องจากปริมาตรน้ำที่ฉีดเข้าไป
- หลังจากฉีด 2-3 วัน น้ำและส่วนประกอบต่างๆ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย โดยจะเหลือเพียงแค่อนุภาคของ Sculptra ทำให้อาจจะเห็นร่องลึก ริ้วรอยกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
- อย่างไรก็ตาม Sculptra จะเริ่มกระตุ้นผ่านระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยดึงเซลล์ Macrophages มาล้อมรอบอนุภาคของ Sculptra จำนวนมาก และมีการส่งสัญญาณให้เซลล์ Fibroblast เข้ามารวมตัวกันมากขึ้น
- Fibroblast เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของโครงสร้างผิวหนัง จึงทำให้ผิวมีความแข็งแรงและกระชับ
- เมื่อเวลาผ่านไป อนุกาคของ Sculptra จะค่อยๆ หายไปเหลือเพียงเส้นใยคอลลาเจนที่มาสะสมแทน และฟื้นฟูความแข็งแรงโครงสร้างผิวหนังในระยะยาว
- ช่วยยกกระชับใบหน้าและฟื้นฟูคุณภาพผิวยาวนาน 25 เดือน (ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละบุคคล)
- เป็นการกระตุ้นและการสร้างคอลลาเจน Type 1Sculptra สามารถฟื้นฟูสภาพผิวที่หย่อนคล้อยขาด Volume ช่วยทำให้ผิวกลับมาอ่อนเยาว์มากขึ้น
Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับใคร
Sculptra เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัด ซึ่งเกิดขึ้นตามวัย เพราะ Sculptra เป็นอนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA-SCA) ที่เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนธรรมชาติของตัวเองให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงฟื้นฟูโครงสร้างภายในชั้นลึกของผิวเพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวดูยกกระชับขึ้น ผิวดูแน่นอิ่มฟู และช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพร้อมปรับปรุงคุณภาพของผิวให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถือว่า Sculptra ตอบโจทย์ของคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเหมาะมากกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์จากการฉีดที่ยาวนาน เพราะจากการวิจัยพบว่า Sculptra สามารถให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนานถึง 2 ปี ซึ่งก็เป็นที่พึงพอใจกับคนไข้ที่ฉีดไปเป็นอย่างมาก
ผู้ที่ฉีด Sculptra ควรจะต้องทำการรักษากี่ครั้งที่จะเห็นผลลัพธ์ สามารถทำต่อเนื่องกันได้หรือไม่ และต้องเว้นระยะห่างกันนานกี่สัปดาห์?
ผลลัพธ์หลังการฉีด Sculptra จะค่อยๆ เห็นผลที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากการฉีดประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ป็นต้นไป โดยตามผลการวิจัย Sculptra จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิต Collagen type1 สูงถึง 66.5% หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน ซึ่ง collagen type1 เป็นคอลลาเจนตัวที่ผิวของเราต้องการมากที่สุดด้วยโดยทั่วไปควรจะทำการฉีด 2 -3 ครั้ง โดยเว้นระยะในทุกๆ 4 – 6 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนานและให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
หลังการรักษาด้วย Sculptra สามารถเห็นผลได้ทันทีหรือไม่ ผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไหร่?
ผลลัพธ์หลังการรักษาด้วย Sculptra จะยังไม่สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้ทันที หรืออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง หน้าจะดูไม่แข็งแต่ให้ความเป็นธรรมชาติมาก เพราะอนุภาคของ Sculptra หรือสาร PLLA-SCA จะค่อยๆ เข้าไปทำปฏิกิริยาในใต้ชั้นผิวลึกและเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวของตัวเองให้เพิ่มขึ้น ทำให้จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้หลังการทำไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์ต่อเนื่องยาวนานถึง 2 ปี
วิธีการเตรียมตัวก่อนที่จะมารักษาด้วย Sculptra
การเตรียมตัวก่อนจะมาทำการรักษาคงจะคล้ายๆ กับการรักษาแบบอื่นๆ ทั่วไป คือ ต้องไม่ฉีดหรือทำการรักษาหน้าด้วยหัตถการตัวอื่นๆ มาก่อนประมาณ 2 – 4 อาทิตย์ รวมถึงควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด กลุ่มยแสไพริน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องการอาการพกช้ำ รวมถึงงดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยากเช่น วิตามิน น้ำมันปลาเป็นต้น เป็นเวลา 2 สัปดาห์ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนการฉีด ดูแลสุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติเข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง และไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
คำแนะนำหลังจากการรักษาด้วย Sculptra ควรจะดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง หรือต้องระวังอะไรบ้างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี?
หลังจากการฉีดคนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้น แต่สามารถประคบเจลเย็นบริเวณที่ทำการฉีดในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อช่วยลดอาการบวมได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า การอบซาวน่า การอบไอน้ำเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดและแสงยู จนกว่าอาการบวมและแดงจะหายไป
นอกจากนี้ต้องไม่ไปฉีดหรือทำการรักษาหน้าด้วยหัตถการอื่นๆ หลังจากที่ฉีดมาแล้ว ให้เว้นไปประมาณ 2-4 อาทิตยหลังจากนี้ และสิ่งสำคัญหลังจากฉีด Sculptra ไปแล้วต้องคอยนวด โดยใช้หลักการแบบ Triple5 เพื่อให้อนุภาคสาร PLLA กระจายตัวไปทั่วบริเวณใบหน้าและไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณที่เราต้องการ ซึ่งจะต้องทำการนวดครั้งละ 5 นาที 5 ครั้งต่อวัน ปี๊นระยะเวลาติดต่อกัน 5 วัน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
วิธีการนวด Sculptra หลังฉีด
- Step 1
ใช้นิ้วหัวแม่มือนวดบริเวณขมับทั้ง 2 ข้างและใช้กำปั้นค่อย ๆ นวดเลื่อนจากบริเวณหน้าผากไปทางขมับด้านข้าง ตามภาพ - Step 2
ทำมือในลักษณะยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น แนบบริเวณแก้มทั้งสองข้างตามภาพแล้วค่อยๆ เลื่อนจากหน้าแก้มออกไปบริเวณข้างแก้มพร้อมกันโดยกดเล้วค่อย ๆ เลื่อนอย่างช้า ๆ - Step 3
ใช้อุ้งมือกดบริเวณช่วงข้างแก้ม แล้วค่อย ๆ นวดไล่จากด้านล่างขึ้นไปด้านบนจนถึงโหนกแก้มทำซ้ำไปมาหลาย ๆ ครั้ง เพื่อช่วยยกกระชับผิวหน้า - Step 4
ทำมือลักษณะเดียวกับ Step 2 บริเวณคางแล้วค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปตามแนวกราม