
จัดการกลิ่น ลดปัญหารักแร้เปียก กับ โบรักแร้
เรื่องปัญหากลิ่นตัว กลิ่นเหงื่อต่างๆที่เกิดกับร่างกายเรา บางครั้งมันก็เกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่ทันได้รับรู้ถึงต้นตอของปัญหาหรือว่าสาเหตุของการเกิดปัญหากลิ่นตัวนั้นๆเลยด้วยซ้ำ ซึ่งทุกคนมีโอกาสที่จะเกิดปัญหากลิ่นตัวหรือมีกลิ่นเหงื่อกันได้อยู่แล้วเป็นปกติ
โดยเฉพาะกลิ่นตัวกลิ่นเหงื่อบริเวณรักแร้ บางคนก็เกิดปัญหากลิ่นตัวกลิ่นเหงื่อรุนแรง บางคนเกิดปัญหาไม่นานกลิ่นต่างๆ ก็จะค่อยๆหายไป ส่วนสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหากลิ่นตัวหรือมีกลิ่นเหงื่อ ก็มีอยู่หลายปัจจัยมากๆ ฉะนั้น การที่เราจะแก้ปัญหาหรือจัดการกับปัญหากลิ่นเหงื่อกลิ่นตัวได้ จะต้องรู้ก่อนว่า กลิ่นตัว กลิ่นเหงื่อที่เกิดขึ้นมานั้น มาจากอะไร? และจะต้องจัดการแก้ไขปัญหาอย่างไร?
สาเหตุหรือปัจจัยที่อาจทำให้เกิดกลิ่นตัวหรือกลิ่นเหงื่อกันก่อนเลยค่ะ
สาเหตุ หรือปัจจัยที่ทำให้บางคนมีกลิ่นตัวหรือกลิ่นเหงื่อที่แรงมีอยู่มากมายค่ะ โดยจะมีทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในดังนี้
- ทานอาหารที่มีรสจัด กลิ่นแรง ฉุน เป็นประจำ
- ภาวะน้ำหนักตัวเกินกว่ามาตรฐาน ทำให้เหงื่อออกได้ง่าย
- ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ไม่เหมาะกับตัวเอง
- ภาวะเหงื่อออกมามากกว่าปกติ ซึ่งมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน เช่น ภาวะวัยหมดประจำเดือน หรือโรคไทรอยด์เป็นพิษ
- เสื้อผ้าที่สวมใส่มีกลิ่นอับชื้น
- การไม่รักษาความสะอาดของร่างกาย และข้าวของเครื่องใช้ นำไปสู่การสะสมของแบคทีเรีย
- พันธุกรรม ที่ทำให้บางคนมีกลิ่นตัวหรือกลิ่นเหงื่อที่แรงกว่าคนอื่น
- โรคประจำตัวต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับตับและไต หรือ การติดเชื้อทางผิวหนัง
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว มีทั้งปัจจัยที่เราควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ค่ะ อันดับแรกของการแก้ปัญหากลิ่นตัวจึงควรเริ่มจากการสำรวจตัวเองก่อน เช่น สำรวจประเภทของอาหารที่ทานประจำ หรือ สำรวจพฤติกรรมการรักษาความสะอาด และแก้ไขปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ก่อนค่ะ
วิธีที่จะระงับกลิ่นตัว กลิ่นเหงื่อ กลิ่นรักแร้ ให้หายไปจากเราได้บ้าง
- การดูแลทำความสะอาดผิว อาบน้ำ และเช็ดตัวให้แห้งสนิท ป้องกันการอับชื้น ขจัดแบคทีเรีย ซึ่งร่างกายของเราก็จะสะอาด และไม่มีกลิ่นตัวขึ้นมาค่ะ
- ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย แม้เราทำความสะอาดบริเวณรักแร้แล้ว แต่! กลิ่นอาจจะยังอยู่ หลังจากที่เราอาบน้ำเสร็จ เมื่อผิวแห้งสนิท อาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายช่วยได้ แต่อีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยในเรื่องกลิ่นเหงื่อของรักแร้ได้ ก็คือ การโบรักแร้ และวิธีการโบรักแร้ก็เป็นวิธีที่ตรงใจและถูกใจสาวๆมาก เพราะการโบรักแร้ใช้เวลาทำรวดเร็ว สะดวก ใครรีบหรือมีธุระไม่ต้องห่วงเรื่องกลิ่นตัวกลิ่นเหงื่อเลยค่ะ สามารถมาโบรักแร้แล้วลุยต่อได้เลย
หลักการทำงานของโบท็อกรักแร้เพื่อลดกลิ่นตัว
หลักการทำงานของโบท็อกรักแร้จะคล้าย ๆ กับโบที่เราฉีดเพื่อลดริ้วรอย หรือลดกรามค่ะ โดยโบท็อกรักแร้ออกฤทธิ์ด้วยการเข้าไปจับกับสารสื่อประสาทในบริเวณที่มีต่อมเหงื่ออยู่เยอะ เมื่อฉีดแล้ว ก็จะทำให้เส้นประสาทไม่สามารถส่งสัญญาณไปยังต่อมเหงื่อได้ หรือก็คือ ระงับการทำงานต่อมเหงื่อนั่นเอง
โบท็อกรักแร้จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะสามารถลดเหงื่อและแก้ปัญหากลิ่นตัวให้กับเราได้ค่ะ
ใครเหมาะกับโบท็อกรักแร้บ้าง?
- คนที่มีปัญหาหรือมีความกังวลเรื่องกลิ่นตัวและกลิ่นเหงื่อ
- คนที่มีอาการระคายเคือง หรือแพ้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย
- คนที่ต้องพบปะผู้คนมาก ๆ หรือออกงานบ่อย ๆ และต้องการตัดความกังวลเรื่องกลิ่นตัว
- คนที่มีโรคประจำตัวที่นำไปสู่ภาวะเหงื่อออกมากเกินไปและมีกลิ่นตัวแรงขึ้น
ข้อดี-ข้อเสียของโบท็อกรักแร้
โบท็อกรักแร้ ถือเป็นวิธีเพิ่มความมั่นใจ และป้องกันกลิ่นตัวที่ทำได้ง่าย และให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ โดยข้อดีของโบรักแร้ มีดังนี้ค่ะ
- โบท็อกรักแร้ ลดเหงื่อได้ภายใน 3-7 วัน ซึ่งถือเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ให้ผลลัพธ์ได้มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์คนขาดความมั่นใจหรือปัญหาเรื่องกลิ่นตัว
- โบท็อกรักแร้ เป็นการรักษาที่ไม่ทำให้เกิดแผลเป็น และไม่ต้องการเวลาพักฟื้น
- โบท็อกรักแร้ ช่วยลดการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อและกลิ่นตัวได้ ซึ่งเหมาะกับคนที่มีอาการแพ้ต่อผลิตภัณฑ์เหล่านี้
- โบท็อกรักแร้ ยังช่วยลดปัญหาคราบเหลืองที่มาจากการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นตัวด้วยค่ะ
ข้อเสียของโบท็อกรักแร้
- โบท็อกรักแร้ เป็นวิธีการแก้ปัญหากลิ่นตัวและเหงื่อเพียงชั่วคราว โดยผลลัพธ์มักจะมีอายุที่ 3-5 เดือน ทำให้ต้องกลับมาฉีดใหม่หากต้องการคงผลลัพธ์
- หลังทำโบท็อกรักแร้ ผิวบริเวณรักแร้อาจจะมีอาการปวด และบวม แต่อาการเหล่านี้มักบรรเทาลงไปเองภายใร 1-3 วัน
การดูแลตนเองหลังทำโบท็อกรักแร้
เราสามารถดูแลตัวเองหลังจากทำโบท็อกรักแร้ได้ ด้วยวิธีดังนี้ค่ะ
- หลีกเลี่ยงการแกะ เกาหรือนวดบริเวณรักแร้
- ควรรออย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงหลังทำโบท็อกรักแร้ ก่อนจะอาบน้ำตามปกติ
- งดใช้ผลิตภัณฑ์อย่าง สเปรย์และโรลออน อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังทำโบท็อกรักแร้
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก เช่น การออกกำลังกาย หรือการอบซาวน่า อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงหลังทำโบท็อกรักแร้
- งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังทำโบท็อกรักแร้
- งดการทำทรีตเมนต์บริเวณรักแร้ เช่น เลเซอร์หรือแว็กซ์ขน เป็นเวลาอย่างน้อย 2 อาทิตย์
- ไม่ใส่เสื้อผ้าที่รัดจนเกินไป
สำหรับโบรักแร้ วิธีการทำงานของโบรักแร้จะเข้าไปขัดขวางการทำงานบริเวณต่อมเหงื่อใต้รักแร้ของคุณ ซึ่งก็จะช่วยในเรื่องการลดปริมาณเหงื่อใต้รักแร้ และยังสามารถที่จะระงับกลิ่นเหงื่อใต้รักแร้ได้ เพียงแค่โบรักแร้ง่ายๆ ซึ่งการโบรักแร้จะใช้เวลาทำไม่นาน แต่ผลลัพธ์หลังจากโบรักแร้ไปแล้ว สามารถอยู่ได้ถึง 4 เดือนหรือระยะยาวค่ะ
สำหรับสาวๆ นะคะ ก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้ตัวเองมีกลิ่นตัว กลิ่นกาย และอย่าให้มีเหงื่อออกใต้รักแร้มากนัก เพราะจะทำให้คุณหมดความมั่นใจ ใครที่ยังไม่เคยลองวิธีจัดการกับเหงื่อบริเวณใต้รักแร้ หรือระงับกลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัว ด้วยวิธีโบรักแร้ ก็ลองปรึกษาขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ Doctorlife Clinic นะคะ
