เปลี่ยนคอเหี่ยวให้กระชับ ส่องเคล็ดลับดูแลผิวให้เต่งตึงถึงลำคอ

ปัญหาคอเหี่ยว หรือการมีรอยพับที่คอ ถือเป็นสัญญาณความแก่ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เราสามารถชะลอปัญหานี้ได้หากปรับวิธีการใช้ชีวิตให้ดี แต่ถ้าใครเจอปัญหาหนักก็สามารถใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เข้ามาช่วยยกกระชับผิวที่เคยมีปัญหาเหี่ยวย่นให้กลับมากระชับรับกับใบหน้าได้

ใครอยากลดวัยด้วยการเปลี่ยนคอเหี่ยวให้เฟิร์มกระชับ มาเรียนรู้วิธีป้องกันและรักษา เพื่อเรียกความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้งได้เลย

ลักษณะแบบไหนที่เรียกว่า คอเหี่ยว

คอเหี่ยว คือ ปัญหาที่พบได้บ่อยเมื่ออายุมากขึ้น โดยผิวหนังที่บริเวณคอจะเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น ซึ่งการเสื่อมสภาพของผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณคอเช่นนี้ จะทำให้ผิวบางลง ผิวหนังย้วย เกิดรอยย่น หรือมีรอยพับ 

สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้บุคคลที่มีปัญหาคอเหี่ยวดูแก่กว่าวัย และส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพเป็นอย่างมาก

คอเหี่ยวหรือรอยย่นที่คอ เกิดจากสาเหตุอะไร

  • อายุมากขึ้น การที่อายุมากขึ้นจะมีผลให้ระดับคอลลาเจนในผิวลดลง ซึ่งการขาดคอลลาเจนคือปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวบริเวณคอไม่ตึงกระชับเหมือนที่เคยเป็นมา
  • ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจะส่งผลต่อการสร้างคอลลาเจน โดยเฉพาะคนวัยทองที่สังเกตเห็นปัญหาความเหี่ยวย่นได้ชัดเจนกว่าวัยอื่น ๆ
  • ดื่มน้ำน้อย การดื่มน้ำที่ไม่เพียงพออาจทำให้ผิวแห้ง และเป็นต้นเหตุให้ผิวหย่อนคล้อยหรือเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น
  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว การลดน้ำหนักที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน อาจทำให้ผิวหนังปรับตัวไม่ทัน และเป็นต้นตอของอาการผิวย้วยหลังลดน้ำหนักได้ทั่วทั้งร่างกาย รวมถึงบริเวณคอด้วย
  • สูบบุหรี่จัด สารเคมีในบุหรี่มีส่วนทำลายคอลลาเจน และขัดขวางการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวขาดสารอาหาร และเกิดริ้วรอยได้ง่าย
  • รับแสงแดดมากเกินไป รังสี UV จากแสงแดดมีผลทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว เป็นสาเหตุให้คอเหี่ยวและเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
  • พันธุกรรม ปัจจัยภายในจากพันธุกรรม ทำให้บางคนมีแนวโน้มคอเหี่ยวได้ง่ายกว่าคนอื่น ๆ  
  • ลืมบำรุงผิวบริเวณคอ หลายคนที่ให้ความสำคัญกับผิวหน้า แต่ละเลยการบำรุงผิวที่คอ ทำให้ผิวหนังส่วนนี้เกิดริ้วรอยและเหี่ยวเร็วก่อนวัย 
  • ไม่ทาครีมกันแดด นอกจากทาครีมกันแดดที่หน้าแล้วต้องทาลงมาถึงคอด้วย เพราะคอเป็นส่วนที่โดนแสงแดดไม่น้อยกว่าใบหน้าเลย หากไร้การป้องกันก็จะทำให้คอเหี่ยวได้ง่าย
  • ก้มหน้าบ่อย สังคมก้มหน้าทำให้คนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมติดจอ ทั้งโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดรอยย่นที่คอได้มากขึ้น
  • ความเครียด ความเครียดมีผลต่อฮอร์โมน ซึ่งการที่ฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ จะเป็นปัจจัยสำคัญของปัญหาผิวแห้งหรือเกิดริ้วรอยได้ง่าย
  • โรคบางชนิด เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ อาจส่งผลให้ผิวแห้งหรือผิวเหี่ยวได้ง่ายกว่าคนปกติ
  • ท่านอนไม่เหมาะสม ท่านอนบางท่าทำให้คออยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม มีผลให้เกิดปัญหาคอเหี่ยวได้ในระยะยาว

คอเริ่มเหี่ยวตอนอายุเท่าไหร่

ปัญหาคอเหี่ยวมักเกิดขึ้นกับคนที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นวัยที่ใช้ชีวิตอย่างหนัก พักผ่อนน้อย และเป็นช่วงวัยที่ร่างกายเริ่มเสื่อมถอยลง 

โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ใส่ใจในการดูแลผิวพรรณอย่างถูกวิธี หรือใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยงต่อการทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวอื่น ๆ เช่น การสูบบุหรี่ หรือการทำงานกลางแดด

อย่างไรก็ตาม วัย 30 ปีเป็นเพียงตัวเลขค่าเฉลี่ยเท่านั้น เพราะบางคนอาจเริ่มเห็นสัญญาณของความหย่อนคล้อยได้เร็วหรือช้ากว่านี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการที่กล่าวไปแล้วในหัวข้อที่ผ่านมา โดยเฉพาะการมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเป็นตัวเร่ง จะยิ่งทำให้การเสื่อมของผิวหนังเร็วกว่าบุคคลอื่น ๆ จนเกิดริ้วรอยที่เห็นได้ชัดเจน และเป็นต้นเหตุของอาการคอเหี่ยวก่อนวัย

ทั้งนี้ ผู้หญิงมักจะสังเกตเห็นปัญหานี้ได้เร็วกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงเป็นเพศที่ฮอร์โมนแปรปรวนได้ง่ายกว่า ยิ่งหากขาดการดูแลผิวอย่างเหมาะสม ยิ่งทำให้ปัญหาลุกลามได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 

วิธีแก้คอเหี่ยวด้วยตนเอง

แม้ว่าปัญหาคอเหี่ยวจะดูเป็นเรื่องน่าหนักใจ แต่ถ้าใครไม่อยากเป็น ก็ยังสามารถดูแลตัวเองเพื่อชะลอหรือป้องกันปัญหานี้ได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้ 

  • บริหารกล้ามเนื้อคอ การออกกำลังกายเพื่อบริหารกล้ามเนื้อคอไม่เพียงแต่ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บระหว่างการเล่นกีฬาเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยเพิ่มความกระชับและลดริ้วรอยบริเวณลำคอได้อีกด้วย ทั้งนี้ ต้องทำอย่างถูกวิธีและใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เพราะคอเป็นส่วนของร่างกายที่บอบบางกว่าอวัยวะส่วนอื่น ๆ
  • ใช้สกินแคร์ที่เหมาะสม การเลือกใช้ครีมหรือเซรั่มบางประเภท มีส่วนในการเพิ่มคอลลาเจนให้ผิว ช่วยลดริ้วรอย หรือแก้คอเหี่ยวได้
  • ใช้มาสก์ ส่วนประกอบในมาสก์มักทำจากสารสกัดธรรมชาติ ซึ่งสามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวทำให้ผิวชุ่มชื้นหรือกระชับผิวได้มากขึ้น
  • นวดคอ การนวดเบา ๆ มีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ซึ่งส่งผลให้ผิวบริเวณนั้น ๆ ดูกระจ่างใสได้มากขึ้น
  • กินอาหารที่มีวิตามินซีสูง วิตามินซีมีส่วนช่วยชะลอการสลายตัวของคอลลาเจน และยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวหน้าและคอตึงกระชับได้มากขึ้น
  • ทาครีมกันแดดลงมาถึงคอ การป้องกันแสงแดดด้วยครีมกันแดด มีส่วนช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวจากแสงยูวีหรือป้องกันคอเหี่ยวได้ ดังนั้น การทาครีมกันแดดจึงต้องทาทั้งใบหน้าและลำคอ เพื่อการป้องกันที่ครอบคลุม
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอเป็นวิธีพื้นฐานที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ร่างกาย และหากผิวมีความชุ่มชื้นเพียงพอ ก็จะชะลอการเกิดรอยย่นที่คอได้
  • บำรุงด้วยเรตินอยด์ เรตินอยด์ คืออนุพันธ์ของวิตามินเอที่สามารถลดเลือนริ้วรอยได้ โดยแนะนำให้ใช้เรตินอยด์ในเวลากลางคืน เพราะจะยิ่งช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าได้

วิธีแก้คอเหี่ยวด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์

การเลือกวิธีรักษาด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์มีหลายวิธี ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา และต้องขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินผิวและให้แพทย์แนะนำวิธีที่จะช่วยฟื้นฟูและกระชับผิวได้ตรงกับปัญหาได้มากที่สุด 

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีหลายนวัตกรรมที่เป็นที่นิยม ได้แก่

  • โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ เป็นการฉีดสาร Botulinum เพื่อลดรอยย่นที่คอ ทำให้ผิวบริเวณคอดูเรียบเนียนขึ้น แม้ว่าวิธีนี้ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาแบบถาวร เพราะผลลัพธ์ของการฉีดสารตัวดังกล่าวจะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน แต่ก็สามารถทำซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผิวบริเวณคอยังคงเต่งตึงอยู่เสมอ
  • โปรแกรมสลายไขมันที่คอ สำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณคอในปริมาณมาก ควรใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (RF) หรือคลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound) เพื่อลดไขมันส่วนเกินที่ลำคอก่อน โดยเทคโนโลยีเหล่านี้จะไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อทำให้ผิวกระชับขึ้นได้อีกด้วย
  • โปรแกรมฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มจากสารไฮยาลูรอนไปยังบริเวณที่คอเหี่ยว เพื่อทำให้ผิวดูเต่งตึงขึ้นในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนี้ การฉีดสารตัวดังกล่าวเข้าไปใต้ผิวหนังยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูความยืดหยุ่นได้ด้วย ทั้งนี้ ผลของฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อหรือชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ รวมถึงความหนัก-เบาของปัญหาในแต่ละบุคคลด้วย  
  • Ulthera Ulthera เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นพลังงานอัลตราซาวด์ที่มีความแม่นยำสูง และสามารถกำหนดระดับความลึกได้อย่างเฉพาะเจาะจง คลื่นอัลตาซาวด์จะลงได้ถึงผิวชั้นลึก (SMAS) ช่วยยกกระชับผิวคอได้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาคอเหี่ยวอย่างมาก 
  • Morpheus8 Morpheus8 เป็นนวัตกรรมที่ผสมผสานการใช้คลื่นความถี่วิทยุ (RF) กับหัวเข็มขนาดเล็ก ๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาตึงกระชับ และมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวและลดริ้วรอยบริเวณคอได้ด้วย 

วิธีป้องกันปัญหาคอเหี่ยว

ถ้าใครไม่อยากต้องมาแก้ไขปัญหานี้ในภายหลัง การรู้จักวิธีการป้องกันคอเหี่ยวถือเป็นเรื่องที่จำเป็น ทั้งนี้ ทุกคนสามารถดูแลสุขภาพผิวเพื่อชะลออาการผิวเหี่ยวย่นได้ดังนี้ 

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด เนื่องจากแสงแดดจัดอาจทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำลายผิวอีกด้วย
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำ ควรเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว และมีค่า SPF และ PA ที่เหมาะสม เพื่อป้องกันผิวจากรังสี UV
  • บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ การบำรุงผิวด้วยมอยเจอไรเซอร์หรือครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ จะป้องกันผิวแห้งกร้านและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้
  • หลีกเลี่ยงการก้มหน้าบ่อย ๆ การจัดท่าในระหว่างการใช้โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม จะช่วยลดแรงกดที่บริเวณคอ และชะลอปัญหาคอเหี่ยวได้

แก้คอเหี่ยวที่ Doctorlife Clinic

สำหรับคนที่มีปัญหาคอเหี่ยวจนทำให้เสียความมั่นใจ ลองเข้ามาปรึกษากับ Doctorlife Clinic ดูได้ โดยคลินิกของเราพร้อมดูแล ให้คำแนะนำ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ 

ไม่ว่าจะเป็น Ulthera ที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีความเข้มข้นสูงแบบเฉพาะเจาะจง หรือ Morpheus8 ที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุ RF (Radio frequency) ซึ่งปล่อยพลังงานคลื่นได้หลายระดับ หรือการแก้ปัญหาคอเหี่ยวด้วยหัตถการอื่น ๆ Doctorlife ก็พร้อมให้บริการ