โปรแกรมฉีดโบผู้ชาย VS ผู้หญิงต่างกันหรือไม่? ฉีดจุดไหนได้บ้าง แต่ละจุดช่วยเรื่องอะไร?
ปัจจุบันไม่ว่าจะผู้ชาย ผู้หญิง หรือเพศไหนก็ตามต่างให้ความสนใจในการดูแลรูปลักษณ์ภายนอกให้สวยและหล่อกันมากขึ้น เพราะการมีรูปลักษณ์ที่ดูดีก็จะช่วยส่งเสริมบุคคลิภาพและเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองด้วยเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะช่วยดูแลตัวเองและช่วยคงความอ่อยเยาว์ ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าได้ดีและยอดฮิตนั่นก็คือ การฉีดโบ หรือโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ที่เป็นหัตถการช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี แต่ก็อาจจะมีคุณผู้ชายหลายท่านที่อาจจะสงสัยว่า โปรแกรมฉีดโบสำหรับผู้ชายและผู้หญิงต่างกันหรือไม่ ผู้ชายต้องใช้ปริมาณการฉีดเยอะกว่าไหม หรือฉีดจุดไหนได้บ้าง ซึ่ง Doctorlife Clinic ก็จะพาทุกท่านไปเคลียร์ข้อสงสัยเหล่านี้ก่อนตัดสินใจทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์กันค่ะ
ทำความรู้จัก ‘โบทูลินั่ม ท็อกซิน’ สารฉีดลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า
โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ หรือสารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum toxin) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างจากเชื้อแบคทีเรียชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ซึ่งมีคุณสมบัติคลายกล้ามเนื้อ โดยจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลให้กล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว หรือลดการขยับของกล้ามเนื้อ จึงช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า และช่วยปรับรูปหน้า ลดกราม ทำให้ใบหน้าเรียวกระชับขึ้นอย่างชัดเจนและดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย
โปรแกรมฉีดโบผู้ชาย VS ผู้หญิง ต่างกันอย่างไร?
สำหรับโปรแกรมฉีดโบระหว่างผู้ชายและผู้หญิงจะไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการฉีดหรือตัวยาที่ใช้ แต่ในส่วนของปริมาณยาและตำแหน่งที่ต้องการฉีดอาจจะมีความแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของใบหน้าหรือปัญหาที่ต้องการแก้ไขของแต่ละบุคคล โดยผู้ชายที่ต้องการทำโปรแกรมฉีดโบส่วนใหญ่จะนิยมฉีดเพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้าบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว และหางตา รวมทั้งฉีดเพื่อเน้นกรอบหน้าให้คมชัด ดูหล่อเข้มสไตล์ธรรมชาติ ในส่วนของผู้หญิงจะเน้นทำโปรแกรมฉีดโบเพื่อให้ใบหน้าดูหวานละมุมแลดูอ่อนเยาว์เป็นธรรมชาติ ไม่ดูแข็ง และปรับรูปหน้าให้เรียวสวย เพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น
ผู้ชายต้องใช้ปริมาณโบทูลินัม ท็อกซิน มากกว่าผู้หญิงจริงหรือไม่?
ความจริงแล้วปริมาณการฉีดโบทูลินัม ท็อกซินไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เพศ แต่จะขึ้นอยู่กับขนาดของกล้ามเนื้อและระดับความลึกของริ้วรอยในแต่ละจุดที่ต้องการฉีด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วลักษณะทางกายวิภาคของใบหน้าผู้ชายมักจะมีมัดกล้ามเนื้อและความลึกของริ้วรอยที่มากกว่าผู้หญิง การทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ในผู้ชายส่วนมากจึงใช้ปริมาณสารโบทูลินัม ท็อกซินมากกว่าผู้หญิงนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนการทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ทุกครั้งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาในการกำหนดปริมาณโบทูลินัม ท็อกซินที่เหมาะสมกับปัญหาที่ต้องการแก้ไขของแต่ละบุคคล เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูดีและชัดเจนที่สุด
ตำแหน่งการทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ที่นิยมทำมากที่สุด แต่ละจุดช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าคุณสมบัติของสารโบทูลินัม ท็อกซิน จะช่วยยับยั้งไม่ให้กล้ามเนื้อหดหรือเกร็งตัวเป็นเวลาชั่วคราว ซึ่งจะสามารถฉีดได้หลายตำแหน่งและช่วยแก้ปัญหาในเรื่องต่างๆ ดังนี้
- โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย
การทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งจะนิยมฉีดเพื่อช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา หางตา ตีนกา รอยย่นระหว่างคิ้ว และยังช่วยยกคิ้ว ยกหางตาให้ดูสดใส ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ผิวตึงกระชับ พร้อมช่วยป้องกันริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย - โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ลดกราม
ทำให้กล้ามเนื้อกรามทำงานได้น้อยลงและมีขนาดเล็กลง จึงช่วยกระชับกรอบหน้า ปรับโครงหน้าให้ชัด ทำให้ใบหน้าดูเรียวและสมส่วนมากขึ้นนั่นเอง - โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า
ช่วยให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น โดยฉีดเพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณกรอบหน้าและใต้คาง ซึ่งจะช่วยดึงแก้มให้น้อยลงและลิฟหน้าให้ดูคมชัด มองเห็นกรอบหน้าหรือโครงหน้าได้ชัดเจนขึ้น - โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ลดการทำงานของต่อมเหงื่อ
โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์นอกจากจะช่วยในเรื่องของการลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าแล้ว ยังช่วยลดภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) ซึ่งจะยับยั้งสาร Acetylcholine ที่ทำหน้าที่ควบคุมการหลั่งของเหงื่อให้ทำงานได้น้อยลงด้วย ทำให้เหงื่อออกลดลง โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ทำให้ช่วยลดการหมักหมมของแบคทีเรียและกลิ่นกายบริเวณใต้วงแขนลงไปด้วย
ข้อดีของการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน
- ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี
- ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง
- ช่วยให้กรอบหน้าชัด ใบหน้าดูมีมิติและสมส่วนขึ้น
- ช่วยให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ และช่วยเพิ่มความมั่นใจ
- ทำได้หลายจุด และหลายบริเวณพร้อมกัน
- ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน
การเตรียมความพร้อมก่อนทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังทำออกมาดูดีที่สุด ต้องเริ่มที่การเตรียมความพร้อมที่ดี โดยสามารถเตรียมตัวก่อนทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ได้ง่ายๆ ดังนี้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นเวลา 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
- ควรหยุดยา หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแก้อักเสบ แอสไพริน น้ำมันตับปลา วิตามินอี ประมาณ 7-14 วัน
- แจ้งโรคประจำตัว หรือประวัติการแพ้ยาต่างๆ กับแพทย์ก่อนทำการรักษา
- งดสครับใบหน้า แว็กผิว หรือเลเซอร์ผิวบริเวณที่ฉีด ประมาณ 2-3 วัน เพื่อลดอาการเขียวช้ำ
หลังทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ห้ามทำอะไร มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง?
นอกจากจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดแล้ว หลังทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ก็ต้องมีการดูแลตัวเองให้ดีและควรหลีกเลี่ยงข้อห้ามหลังฉีดต่างๆ ดังนี้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการกด นวด ถู แกะ เกาบริเวณที่ฉีด
- งดนอนราบ นอนคว่ำ หรือก้มหัวต่ำกว่าอก ประมาณ 4 ชั่วโมงหลังฉีด
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนักๆ ตากแดด ประมาณ 48 ชั่วโมงหลังฉีด
- หลังฉีดควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ประมาณ 30 นาที
- 4 ชั่วโมงหลังฉีด สามารถล้างหน้าและทาครีมบำรุงได้ แต่ให้งดแต่งหน้าเป็นเวลา 1 วัน
- งดอาหารหมักดอง งดอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ และอาหารที่มีรสเผ็ดจัด
- กลับมาพบแพทย์ตามนัด
ทั้งนี้ ไม่ว่าเพศไหนก็สามารถทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งเป็นหัตถการที่จะช่วยลดริ้วรอยและปรับรูปหน้า สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่ดีเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็อยากมี และเราสามารถสร้างขึ้นได้ ซึ่งหากท่านใดที่สนใจอยากทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ ขอแนะนำให้เลือกใช้บริการคลินิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้แพทย์ประเมินการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาผิวก่อนรักษากับเราได้ที่ Doctorlife Clinic ทุกสาขาได้เลยนะคะ