โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นอีกหนึ่งหัตถกรรมความงามที่กำลังเป็นที่นิยมให้ปัจจุบัน โดยเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความอวบอิ่มให้เนื้อปาก ปรับรูปปาก และเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากได้อีกด้วย
สำหรับคนที่กำลังเล็งอยากจะปรับรูปปากหรือเติมเต็มริมฝีปากของตัวเองให้อวบอิ่ม ในบทความนี้ Doctorlife จึงได้สรุปรวมทุกเรื่องควรรู้เกี่ยวกับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก ทั้งการเตรียมตัวก่อนฉีด ผลข้างเคียง ความอันตรายของการโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไม่ได้มาตรฐาน และการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการมาให้ได้อ่านกันก่อนตัดสินใจ
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก คืออะไร?
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ โปรแกรมการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปบริเวณเนื้อเยื่อของริมฝีปาก โดยสารตัวนี้มีชื่อว่า ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารประกอบที่พบได้ตามส่วนต่าง ๆของร่างกาย และมีการพิสูจน์แล้วว่า สามารถนำมาใช้เพื่อเป็นสารเติมเต็มเพื่อความงามได้
สารไฮยาลูรอนิค แอซิด มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เมื่อฉีดแล้ว จะทำให้ปากอิ่มฟูและมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยในการปรับเปลี่ยนรูปทรงปากได้แล้ว ยังช่วยลดปัญหาริมฝีปากแห้ง และแตกเป็นร่องได้อีกด้วย
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก ถือเป็นวิธีปรับรูปปากที่มีความเสี่ยงต่ำ ให้ผลลัพธ์รวดเร็วเมื่อเทียบกับการผ่าตัดรูปปาก และใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร เนื่องจากสารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปในร่างกายจะสลายตัวไปด้วยกลไกธรรมชาติตามอายุการใช้งานของมัน โดยอายุการใช้งานของสารเติมเต็มแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะไม่เท่ากัน แต่โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์ของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 6-12 เดือน และสามารถเข้าฉีดเพิ่มเติมเพื่อคงผลลัพธ์ได้
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับใครบ้าง?
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปากถือเป็นตัวเลือกเสริมความมั่นใจที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยกลุ่มคนที่เหมาะกับหัตถการนี้ ได้แก่
- คนที่มีปัญหาเรื่องรูปปาก: โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปากเหมาะกับคนที่มีปัญหามุมปากตก ปากคว่ำดูไม่สดใส หรือรูปปากไม่สมดุล ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ การฉีดสารเติมเต็มจะสามารถช่วยปรับรูปปากให้ดูสมมาตรมากขึ้น และช่วยยกกระชับมุมปากได้
- คนที่อยากปรับรูปปากเพื่อเปลี่ยนลุค: ทรงปากเป็นสิ่งที่สามารถแสดงตัวตนของเราออกมาได้ ซึ่งโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปากก็จะเป็นตัวช่วยในการปรับเปลี่ยนลุคเพื่อให้เข้ากับตัวเราได้ เช่น ทรงปากอวบอิ่มที่ช่วยให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น หรือ ทรงปากรูปเชอรี่ที่ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส
- คนที่มีปัญหาปากแห้ง ขาดความชุ่มชื้น: โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถช่วยปัญหาปากแห้งแตกได้อย่างดี เนื่องจากตัวสารเติมเต็มที่เป็นไฮยาลูรอนิก แอซิด มีความสามารถในการอุ้มน้ำ ซึ่งจะช่วยล็อกความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากได้ เรียกได้ว่า บอกลาปัญหาทาลิปแล้วปากเป็นร่องไปได้เลย
ขั้นตอนของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก
ก่อนตัดสินใจปรับรูปปากด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก เราควรมีการศึกษาข้อมูลของตัวโปรแกรมกันสักหน่อย เพื่อให้มั่นใจว่าโปรแกรมตัวนี้จะเหมาะสมกับความต้องการของเราจริง ๆ โดยขั้นตอนคร่าว ๆ ของโปรแกรมมีดังนี้
ปรึกษาแพทย์
ไม่ว่าจะเป็นหัตถการใด ๆ ก็ตาม การปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับหัตถการถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากแพทย์จะสามารถให้ความรู้และประเมินได้ว่า ผลลัพธ์ที่เราอยากได้ หรือปัญหาที่เรามีนั้น เหมาะกับหัตถการที่เราอยากทำหรือไม่ โดยในกรณีของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก แพทย์จะต้องรู้ถึงรูปทรงปากที่อยากได้ และประเมินว่าควรจะฉีดสารเติมเต็มที่จุดไหน และ ในปริมาณเท่าไร
เลือกยี่ห้อหรือรุ่นของสารเติมเต็ม
สารเติมเต็มเนื้อปากในปัจจุบันมีอยู่มากมายหลายยี่ห้อ และแต่ละยี่ห้อย่อมมีความโดดเด่นที่ต่างกัน เช่น บางยี่ห้ออาจมีเนื้อที่ละเอียดมากกว่า หรือบางยี่ห้ออาจมีความสามารถในการเพิ่มความชุ่มชื้นเป็นหลัก ซึ่งในการเลือกยี่ห้อหรือรุ่นที่เหมาะสมกับตัวเรา ต้องอย่าลืมคำนึงถึงอายุของตัวสารเติมเต็มและงบประมาณของเราด้วย
ดูแลตัวเองหลังฉีด
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นาน แต่ก็มีขั้นตอนการดูแลตัวเองหลังฉีด เพื่อลดผลข้างเคียง และเพื่อให้ผลลัพธ์ของการฉีดออกมาน่าพึงพอใจที่สุด โดยหลัก ๆ แล้ว ก็คือ การพยายามหลีกเลี่ยงการกดนวดบริเวณปาก งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดมาก และประคบเย็นที่ริมฝีปากเพื่อลดอาการบวมเข็ม
เข้าติดตามผลตามการนัดหมาย
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 โปรแกรม มักจะประกอบไปด้วยการฉีด 2-3 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยคุณหมอที่ดูแลจะเป็นคนนัดหมายระยะเวลาในการฉีดและติดตาม เพื่อประเมินว่าผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปอย่างที่ต้องการหรือไม่ หรือจะต้องมีการดูแลเพิ่มเติมอย่างไร
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก vs ศัลยกรรมปาก
การผ่าตัดริมฝีปาก (Lip surgery หรือ Cheiloplasty) เป็นทางเลือกการปรับรูปปากอีกวิธีหนึ่ง สามารถช่วยเสริมความมั่นใจ และแก้ไขรูปปากได้ โดยการผ่าตัดมีขั้นตอนที่มากกว่าโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องการเวลาพักฟื้นนานกว่า และใช้เวลามากกว่าก่อนที่จะเห็นผลลัพธ์อันชัดเจน แต่ผลลัพธ์ของการผ่าตัดนั้นเป็นผลลัพธ์ที่ถาวร ซึ่งอาจจะตอบโจทย์มากกว่าสำหรับคนที่ไม่ต้องการเข้าคลินิกเพื่อฉีดสารเติมเต็มในทุก ๆ ปี
โดยส่วนใหญ่แล้ว การผ่าตัดปากจะเป็นการปรับขนาดของปากหรือปรับแก้ไขทรงปากให้เป็นในแบบที่ต้องการ ในขณะที่โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปากจะเน้นไปที่การเพิ่มวอลลุ่มเพื่อทำให้ปากดูอิ่มฟูหรือเพิ่มการอุ้มน้ำมากขึ้น โดยอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า สารเติมเต็มเมื่อฉีดแล้วจะสลายตัวตามกลไกธรรมชาติตามอายุการใช้งาน ซึ่งรูปปากของเราก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามนั้นด้วย
นอกจากนี้ ความแตกต่างที่สำคัญอีกอย่างคือ ระยะเวลาในการเผยผลลัพธ์และการพักฟื้น โดยหากเป็นการผ่าตัดปากจะต้องมีการลงมีด ซึ่งจะเกิดแผลที่จำเป็นต้องพักฟื้นอย่างน้อย 1 เดือน และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้หลังจาก 1-2 เดือนขึ้นไป แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นผลลัพธ์ที่คงอยู่ถาวร
ส่วนโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก จะใช้เวลาพักฟื้นเพียง 1 สัปหาด์หรือน้อยกว่า และเผยผลลัพธ์ที่ขัดเจนได้ภายใน 1-2 สัปดาห์
ดังนั้น เราจึงสามารถสรุปข้อดีและข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์และการผ่าตัดปากได้ดังต่อไปนี้
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก
ข้อดี
- ปรับเปลี่ยนรูปปากใหม่ได้ตลอดเวลา
- เห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 7-14 วันหลังฉีด
- เจ็บตัวน้อย ไม่ต้องพักฟื้นนาน
- สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิดสามารถสลายตัวได้ตามกลไกธรรมชาติ
- ปรับปรุงสุขภาพริมฝีปากให้ชุ่มชื้น
ข้อเสีย
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร โดยสารเติมเต็มแต่ละรุ่นมีอายุต่างกัน แต่โดยเฉลี่ยมักมีอายุ 6-12 เดือน
ศัลยกรรมปาก
ข้อดี
- ให้ผลลัพธ์ถาวร
- ไม่ต้องเข้าคลินิกหลายครั้ง
ข้อเสีย
- ใช้เวลาพักฟื้นนาน กว่าจะเห็นผลชัดเจนต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
- มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด หรืออาจมีรอยแผลจากการผ่าตัดได้
- แก้ไขปรับเปลี่ยนรูปปากใหม่ได้ยาก
อย่างไรก็ดี ถึงทั้ง 2 วิธีนี้จะเป็นหัตถการปรับรูปปากเหมือนกัน แต่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน สำหรับคนที่ไม่แน่ใจว่า ตัวเองเหมาะกับการปรับรูปปากแบบไหน แนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ก่อนตัดสินใจจะดีที่สุด
หลังโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามอะไรบ้าง?
การดูแลตัวเองหลังโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นสิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้เลย เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่จะช่วยยืดอายุของผลลัพธ์ และช่วยลดผลข้างเคียง
- งดนวด แกะ เกา หรือสัมผัส เนื่องจากบริเวณริมฝีปากหลังฉีดสารเติมเต็มจำเป็นต้องได้รับพักฟื้นสักระยะ ดังนั้น จึงไม่ควรรบกวนผิวบริเวณดังกล่าวด้วยการนวด แกะ เกา หรือสัมผัส เพราะมือของเราอาจมีสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคติดอยู่ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อริมฝีปากที่กำลังบอบช้ำได้
- งดสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากทั้งบุหรี่และแอลกอฮอล์มีผลกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดทั้งสิ้น
- งดทำกิจกรรมที่มีผลกระตุ้นการสูบฉีดเลือด เช่น ออกกำลังกายหนัก ๆ การทำซาวน่า หรือการอบไอน้ำ
- งดทำทรีทเม้นท์ผิว รวมถึงงดการนวดหน้าและงดการยิงเลเซอร์ทุกชนิด
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น อาหารอุณหภูมิร้อนจัด หรืออาหารรสจัด
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น หลังโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก
ผลลัพธ์ของโปรแกรมฟิลเลอร์ปากจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงเวลา 7-14 หลังฉีด โดยผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ปาก ได้แก่ รอยแดงจากเข็ม และอาการบวมแดง หรือคัน ซึ่งจะบรรเทาลงไปเองภายใน 3 วัน
อย่างไรก็ดี หากอาการเหล่ามีความรุนแรงมากขึ้น หรืออาการอื่นร่วมด้วย แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตราย
ความอันตรายของการฉีดสารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน
โปรแกรมฟิลเลอร์ปากที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ สารเติมเต็มที่เป็นของปลอม ถือเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังสำหรับคนที่ต้องการจะแก้ไขรูปปากของตนเอง โดยความอันตรายของการฉีดสารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ ฉีดด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง มีดังนี้
- เกิดอาการบวมช้ำอย่างรุนแรงพร้อมความรู้สึกปวด หากอาการบวมช้ำมีความรุนแรงและมีอาการปวดร่วมด้วย สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อที่เนื้อเยื่อภายในริมฝีปาก เนื่องมาจากจากการได้รับสารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน และต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
- รูปปากผิดเพี้ยน จับตัวเป็นก้อน หรือไม่เรียบเนียน หากได้รับการฉีดสารเติมเต็มที่คุณภาพต่ำหรือแพทย์ที่ฉีดขาดประสบการณ์ อาจทำให้รูปปากผิดเพี้ยนและผิวหนังบริเวณริมฝีปากอาจไม่สม่ำเสมอได้ ซึ่งวิธีการแก้ไขข้อผิดพลาดนี้จะต้องใช้การผ่าตัดเข้าช่วยเท่านั้น
- สีผิวบริเวณที่ฉีดไม่สม่ำเสมอ หากริมฝีปากมีสีเข้มมากขึ้นคล้ายกับรอยช้ำ หรือริมสีปากมีสีซีดลงเหมือนขาดเลือด อาจมีสาเหตุมาจากการที่สารเติมเต็มเข้าไปในหลอดเลือด ซึ่งมักเกิดจากการที่ผู้ฉีดไม่มีประสบการณ์ กรณีต้องควรเข้าพบแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
- เกิดผื่นคันหรือลมพิษ ทั้งอาการผื่นคันหรือลมพิษอาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากการแพ้สารเติมเต็ม ซึ่งไม่ควรที่จะปล่อยปัญหานี้เอาไว้โดยเด็ดขาด และต้องรีบพบแพทย์ทันที
สิ่งที่ต้องพิจารณา ก่อนเข้ารับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปากถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเอง แต่ก็มีสิ่งที่ควรจะต้องพิจารณาก่อนที่จะเริ่มต้นโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปากเช่นกัน โดยเฉพาะการเลือกแนวทางในการเข้ารับบริการ ซึ่งควรต้องพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้
- เลือกคลินิกมีมาตรฐาน คลินิกที่ให้บริการจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานในประเทศไทย และต้องสังเกตด้วยว่ามีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลหรือไม่ เพราะสิ่งนี้ถือเป็นพื้นฐานที่คลินิกเวชกรรมต้องมี โดยการเข้ารับบริการจากคลินิกที่น่าเชื่อถือ จะทำให้มั่นใจได้ว่า เราจะได้รับการดูแลที่เป็นมืออาชีพและตรงตามหลักความปลอดภัย
- ฟังเสียงรีวิวจากลูกค้ารายอื่น การศึกษารีวิวจากลูกค้ารายอื่น ๆ หลังโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก จะทำให้เรามองเห็นมุมมองในการให้บริการที่หลากหลาย และสามารถนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจว่าควรเลือกฉีดฟิลเลอร์แบบไหน ยี่ห้อไหน หรือที่ไหนดี
ปรับรูปปากกับ Doctorlife
สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่า โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปากจะเหมาะกับตัวเองไหม สามารถเข้ามาปรึกษากับ Doctorlife ได้ เราคือ คลินิกเวชกรรมเพื่อความงามที่พร้อมจะดูแลคุณอย่างใส่ใจในทุกขั้นตอนตั้งแต่การให้คำปรึกษา การรักษา และการให้คำแนะนำหลังโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปากในทุก ๆ เรื่อง รวมไปถึงยังมีบริการทางความงามอื่น ๆ ที่จะช่วยเสริมความมั่นใจให้คุณดูดีได้มากขึ้นกว่าเดิม
ใครที่อยากลงทุนกับการดูแลตัวเอง และเพิ่มความมั่นใจ ก็สามารถเข้ามาพูดคุยปรึกษากับ Doctorlife Clinic ได้เลย